เคร้ง!!
เสียงดาบปะทะขวานดังขึ้นนำก่อน 1 ครั้ง ตามมาด้วยเสียงปะทะกันอีกนับไม่ถ้วน
เคร้ง!! เคร้ง!! เคร้ง!! เคร้ง..
ประกายไฟแปลบปลาบของการเสียดสีของโลหะอย่างรวดเร็วปรากฏขึ้นทุกครั้งที่ได้ยินเสียง ราวกับเป็นดนตรีที่บรรเลงโดยนักรบสองคนที่กำลังร่ายรำเข้ากับจังหวะอันรวดเร็วและหนักหน่วงด้วยท่วงท่าอันสง่าและงดงาม
องครักษ์สาวยันตัวกระโดดถอยออกมาจากการปะทะ นางหันไปมองเจ้าหญิงน้อยผู้ชมระดับ VIP ที่ยืนดูติดขอบสนามและกำลังลุ้นจนตัวเกร็ง "เจ้าหญิง ทำไมไม่เสด็จหนีไปเพคะ.." เซน่าตีหน้ายักษ์ใส่คนดูเพียงคนเดียว
ฟ้าว!!
พูดยังไม่ทันจบขวานรูปสามเหลี่ยมก็แหวกอากาศตรงเข้ามาด้วยความรวดเร็ว เธอยกดาบสีน้ำเงินขึ้นตวัดเบี่ยงมันให้พ้นคอ ชาล็อตต์ส่งยิ้มมาพร้อมกับแววตาที่เยาะเย้ย "ข้าตอบให้แล้วกันนะ ไม่ใช่ไม่หนี.. แต่หนีไปไม่ได้ต่างหากล่ะ" ได้ยินดังนั้นองครักษ์สาวจึงรีบหันควับกลับไปมองนายของตนที่ได้แต่กระพริบตาปริบๆ เป็นเชิงขอโทษขอโพยมาให้
"เจ้าทำอะไรกับเจ้าหญิงของข้า!!" เซน่าขึ้นเสียงเป็นขู่กรรโชก ดาบในมือถูกตวัดกวัดแกว่งออกไปอย่างรวดเร็วไม่มียั้ง ด้วยอารมณ์โกรธจึงทำให้แต่ละดาบที่ฟาดฟันลงไปหนักหน่วงขึ้นหากแต่ฝ่ายตรงข้ามกลับอ่านทางมันออกได้ง่ายกว่าเดิม
นักบงการธาตุชาวออโรเรียกเบี่ยงตัวไปข้างหลังของเซน่าก่อนจะกระซิบเบาๆที่ข้างหูเป็นเชิงยั่วแหย่ "โอ้..องค์หญิงสุดที่รักของเจ้าเป็นอะไรไปรึ แหม.. เล่นลืมความสามารถของนักบงการธาตุแบบข้าก็แย่สิ ข้าแค่ขอให้สายลมพันธนาการนางไว้กับที่ก็เท่านั้น อย่าว่าแต่จะเดินเลย จะขยับปากยังทำไม่ได้เลย เฮ้อ.. น่าสงสารจัง" ชาล็อตต์แสร้งตีหน้าเศร้า
"เจ้า!!" อัศวินวิหารตวาดลั่นด้วยความเดือดดาล กระหน่ำดาบฟันใส่ฝ่ายตรงข้ามไม่ยั้ง ดวงตาสีมรกตแปรเปลี่ยนจากเรียบเฉยไร้ความรู้สึกเป็นลุกโชนด้วยไฟพิโรธในดวงตาทันที
ชาล็อตต์ส่ายหน้าดิก "อารมณ์ของเจ้า.. ทำให้เจ้าขาดความเยือกเย็นจึงอ่านทางข้าไม่ออก.. หากแต่นั่นทำให้ทางดาบของเจ้าถูกข้าอ่านออกได้ง่ายนัก.."
เคร้ง...
ดาบคู่กายขององครักษ์ถูกขวานของนักบงการธาตุตวัดหลุดลอยออกจากมือไปตกไกลตัว และเจ้าของลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ดวงตาสีทับทิมฉายแววผิดหวัง "การเล่นจบแล้วเจ้าหมาน้อย องครักษ์แห่งนครแสงจันทร์ช่างอ่อนแออะไรอย่างนี้" ขวานคู่มือนางถูกยกขึ้น..
เหมือนทุกอย่างกลายเป็นภาพช้า สังฆราชขาวมองเห็นชาล็อตต์ค่อยๆ ยกขวานขึ้นอย่างเชื่องช้า.. ขวานสีม่วงค่อยๆ แหวกอากาศลงมายังเป้าหมาย คอ ระหงของอัศวินวิหาร แต่แล้วเจ้าของขวานกลับหยุดชะงักชั่ววินาที แล้วพลิกเอาด้านสันของขวานกระแทกใส่ฝ่ายตรงข้ามแทน
"รู้ไหม ข้าคิดวิธีที่ให้เจ้าเจ็บกว่าตายได้แล้วล่ะ.." นักบงการธาตุชาวออโรเรียลอบยิ้มมุมปากก่อนจะท่องบางสิ่งที่เหมือนกับ เวทมนตร์
"อากาศรายรอบตัวข้า จงเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นโซ่พันธนาการ... แอร์ ไบด์ (Air bide อากาศพันธนาการ)" สิ้นเสียงร่ายของชาล็อตต์ เซน่าก็รู้สึกเหมือนมีลมพัดผ่านตัววูบหนึ่ง แล้วร่างทั้งร่างก็เหมือนไม่ได้อยู่ใต้ความควบคุมของสมองอีกต่อไป เธอถลึงตาด้วยความโกรธ
ชาล็อตต์ค่อยๆ เดินนวยนาดเข้าไปหาเซน่าพร้อมกับใช้นิ้วช้อนปลายคางอัศวินสาวขึ้นมาสบตา "เป็นยังไง ขยับไม่ได้ใช่ไหมล่ะ.. ดีแล้วล่ะ" พูดเสร็จก็ใช้มือขวาตบฉาดเข้าไปที่แก้มซ้ายของฝ่ายตรงข้าม จนองครักษ์สาวหน้าหันตามแรงตบ
เพี๊ยะ!!
คนได้เปรียบทิ้งขวานลงกับพื้น วาดมือซ้ายตบเข้าให้อีกฉาด ตามด้วยมือขวา สลับกันไปอีกหลายครั้ง ยิ่งตบรอยยิ้มแสดงความพอใจบนใบหน้าของนางก็ยิ่งปรากฏเด่นชัดพอๆ กับรอย 5 นิ้วที่แก้มขององครักษ์สาว
"ฮ่าๆๆ" ชาล็อตต์หัวเราะลั่น มือขวาจิกผมของคู่อริขึ้นมา "รู้ไหมว่าข้าจะทำอะไรต่อ ให้ทาย" ดวงตาสีแดงทับทิมนั้นค่อยๆ เหลียวไปทางเจ้าหญิงของเซน่า องครักษ์สาวใช้นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองนางด้วยสายตาเคียดแค้น ริมฝีปากที่ไร้เรี่ยวแรงขยับขึ้นลงแผ่วเบา "..จัน.."
"แต่ถึงรู้ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีนะข้าว่า" นางว่าด้วยน้ำเสียงร่าเริง รองเท้าบู๊ตหัวโลหะค่อยๆ ย่างก้าวตรงไปยังเป้าหมายหลักที่ยังคงขยับไม่ได้เช่นเดียวกับคนที่เพิ่งถูกจัดการไปเมื่อครู่
กึก.. กึก..
เสียงโลหะบนพื้นของรองเท้าบู๊ตกระทบพื้นยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
"..ทรา.."
น้ำเสียงอ่อนล้าดังขึ้นอีกครั้ง แต่นักบงการธาตุกลับไม่คิดแม้จะสนใจ เพราะเธอเดินมาถึงเป้าหมายแล้ว
"ข้าจะทำอะไรกับท่านดีนะเจ้าหญิง จะฆ่าให้ตายเลย หรือว่าจะทรมานให้หมาตรงนั้นเจ็บใจเล่นดี" ชาล็อตต์แสร้งทำท่าครุ่นคิด และแล้วนางก็ดีดนิ้วเปาะ "ฆ่าเลยดีกว่าหมดเรื่องหมดราว"
"..น้ำเงิน!!"
เซน่ากัดฟันพูดด้วยแรงเฮือกสุดท้าย พลันดาบสีน้ำเงินคู่กายอัศวินวิหารที่เคยนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นก็พุ่งตรงเข้าเสียบด้านหลังของนักบงการธาตุด้วยความแรงและเร็ว
ฉึก!!
“อั่ก..”
“หนอย ยังมีไพ่เด็ดซ่อนอยู่อีกรึ.. ไม่นึกว่าดาบจะตอบรับเสียงของเจ้า" ดวงตาสีทับทิมลุกโชนด้วยเพลิงโทสะ ริมฝีปากสวยไอเอาเลือดทะลักออกมาเป็นลิ่มๆสีแดงสด เพราะดาบนั้นพลาดหัวใจไปไม่กี่เซนต์ นางชักดาบคู่กายอัศวินวิหารที่เคยเป็นสีน้ำเงินออกจากอกตัวเองแล้วขว้างทิ้งออกไปนอกหน้าต่าง
"สงสัย.. ต้องฆ่าเจ้าก่อนจริงๆ นั่นแหละ"
ชาล็อตต์เปลี่ยนเป้าหมายอีกครั้ง นางค่อยๆ พยุงร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสหันไปหาอริเก่า ขยับปากที่เริ่มเซียวขึ้นลงท่องคาถา
“เปลวไฟจากใต้พิภพเอ๋ย.. จงกลายเป็นเสาเพลิงเผาผลาญศัตรูแห่งข้า......” นักบงการธาตุสาวชูขวานสามเหลี่ยมสีม่วงขึ้นเหนือศีรษะ
“วัลคานิค อีรัปชั่น (Vulcanic eruption เพลิงนรกภูเขาไฟ)”
สิ้นเสียงร่ายคาถาของนาง ขวานสามเหลี่ยมก็ปักฉึกกับพื้น เกิดรอยแยกเป็นแนวตรงไปทางอัศวินวิหารสาว เซน่ามองมาที่เจ้าหญิงเป็นครั้งสุดท้าย "ลาก่อน.. น้องสาวที่รัก.." แล้วนัยน์ตาสีเขียวมรกตทั้งคู่ก็ค่อยๆหลุบลงเหมือนรู้ชะตากรรมของตัวเอง
ครึก ครึก!!
รอยแยกค่อยๆกว้างขึ้นและแตกระแหงเหมือนดินแห้งๆ ตามทุ่งนารกร้าง
ตูม ตูม ตูม!!
ทันทีที่พื้นหยุดการแตกแยกเสียงเสาไฟสีแดงฉานที่ระเบิดพุ่งขึ้นมาจากรอยแยกกระทบตัวเซน่าดังถึ่ยิบ ระคนกับเสียงกรีดร้องโอดครวญของหล่อนไม่ขาดสาย
“ข้าแต่เทพีเทียร์น่าบนสรวงอันศักดิ์สิทธิ์ ที่พวกข้าเคารพบูชา โปรดแปรเปลี่ยนเปลวเพลิงทมิฬอันร้อนแรง ให้เป็นเปลวศักดิ์สิทธิ์ เพื่อชำระจิตวิญญาณแห่งตัวข้าและรักษาเหล่าสหายของข้าด้วย..” เสียงท่องมนตราดังมาจากปากของเจ้าหญิงที่เป็นอิสระจากพันธนาแห่งสายลม นักบงการธาตุหันไปมองด้วยสายตาเคียดแค้น
“ไวท์ เฟลม (White flame เพลิงบริสุทธิ์)”
สิ้นเสียงร่ายมนต์เสาเพลิงที่กำลังโหมกระหน่ำด้วยความสำราญก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีบริสุทธิ์จากฐานค่อยๆ ไล่ขึ้นไปจนถึงยอดจากนั้นจึงค่อยๆ ลางเลือนไปจากคลองจักษุ
"สายไปหรือ?" สังฆราชขาวถามตัวเองเมื่อภาพที่ปรากฏต่อหน้าไม่ใช่องครักษ์คนเดิมที่ทำหน้าตายใส่เธอตลอดเวลา หยาดน้ำใสๆ เอ่อท้นออกมาเหมือนเขื่อนทลายเมื่อเธอได้รับรู้ว่าความจริงมันเป็นเช่นไร ไม่มีเวทมนตร์บทไหนที่จะชุบชีวิตคนที่ตายไปแล้วให้กลับฟื้นคืนได้ "ลาก่อนพี่สาวที่แสนดี.." เจ้าหญิงองค์โตแห่งลูนาเทียพึมพำด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย
รอยยิ้มบางปรากฏบนริมฝีปากที่ซีดเซียว ชาล็อตต์ใช้ขวานคู่ใจพยุงตัวขึ้นช้าๆ "ต่อไป.. ก็ตาของท่าน.. เจ้าหญิง แค่ก.." นางสำรอกโลหิตสดๆ ออกมาคำหนึ่ง
ราชนิกูลสาวลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้าแล้วค่อยๆ เดินจากไปโดยไม่ไยดีกับศัตรูใกล้ตาย
"หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าจะฆ่าเจ้า" ชาล็อตต์แผดเสียงลั่น แต่ก็ไร้ผล มีเพียงเสียงพึมพำเบาๆ ดังมาจากสังฆราชขาวแห่งลูนาเทีย
"ซาเคร็ด เอ็กซ์โพลสชัน (Sacred explosion ระเบิดแสงศักดิ์สิทธิ์)"
วาบ!!
วงแสงสีขาวก่อตัวที่กลางหน้าอกของนักบงการธาตุก่อนที่มันจะขยายตัวออกและระเบิดดังสนั่น
บรึ้มมมมม!!!
...
ระเบียงลอยฟ้า สะพานเชื่อมปราสาทซีกตะวันตกและตะวันออก..
ที่ระเบียงลอยฟ้าขณะนี้พลุกพล่านไปด้วยเหล่ามังกรไวเวิร์นที่บินฉวัดเฉวียน ที่นั่นอัศวินมังกรคนหนึ่งกำลังปะทะอยู่กับนักรบเกราะสีน้ำเงิน หอกกำลังปะทะหอก ทักษะของทั้งสองถูกงัดออกมาใช้อย่างสุดกำลัง
"หลีกไป ข้าต้องไปช่วยเจ้าหญิง" นักรบเกราะสีน้ำเงินตะโกนขึ้น ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเขามีประกายโกรธ หมวกเหล็กถูกฟันกระเด็นหลุดเผยให้เห็นใบหน้าที่ดูเด็ก ผมสีบลอนด์ที่รวบไว้ที่ท้ายทอยกำลังพริ้วตามลม ตัดกับเงาพระจันทร์ทั้งสองดวง
อัศวินมังกรที่เอาแต่ยิ้มกวนๆ ดูเหมือนไม่มีทางให้เด็กหนุ่มทำตามใจได้ หอกคู่กายกวัดแกว่งด้วยความเร็วยากที่คนธรรมดาๆ จะมองทัน "ไม่ต้องไปแล้วล่ะมั้ง ป่านนี้เจ้าหญิงโดนเจื๋อน เรียบร้อยแล้วแหละ สู้กับข้าให้สนุกดีกว่า ไอ้หนูกลาดิเอเตอร์"
เจ้าหญิงค่อยๆ ก้าวเท้าออกมาจากทางออกซีกตะวันออกอย่างยากเลื่อนลอย ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกลับไร้แววความสดใส มีแต่ประกายของความเศร้าหมอง
"องค์หญิง" นักรบกลาดิเอเตอร์พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม แต่มันกลับจางหายไปเมื่อมองเห็นความจริงที่ว่าคนที่ควรอยู่ข้างกายของนางหายไป เขารำพึงกับตัวเองในใจ "พี่เซน่า.. หรือว่าท่าน.." แต่อัศวินมังกรกลับเบ้หน้า "ชิ มีเรื่องน่าเบื่อมาขัดซะแล้วสิ"
"..ข้าไม่ยอม.. ข้าไม่ยอมตายคนเดียว.. พวกเจ้าต้องไปกับข้า.. ตกลงไปตายให้หมดเลย.." น้ำเสียงขุ่นมัวดังขึ้นข้างหลังของเจ้าหญิง "ร็อค แอวาแลนช์ (Rock avalanche ภูผาทลาย)"
พื้นระเบียงสั่นครืน ก้อนอิฐค่อยๆหลุดร่วงสู่เบื้องล่างทีละก้อนสองก้อน ระเบียงลอยฟ้ากำลังจะถล่มในไม่ช้า!!
"เฮ้ย! ยัยบ้าชาล็อตต์ จะฆ่าข้าด้วยรึไง" อัศวินมังกรสบถอย่างหัวเสีย แล้วผิวปากหวือเรียกมังกรบินประจำตัวมารับ
ครืน.....
ระเบียงค่อยๆ ทลายลง เจ้าหญิงหันมามององครักษ์คนเดียวที่เหลืออยู่ที่อยู่ แต่ทั้งสองอยู่คนละซีกของระเบียงที่ยาวเกือบ 100 เมตร ก่อนที่พื้นจะทลายลงไป ร่างบางค่อยๆ ลอยละลิ่วลงสู่พื้นเบื้องล่างที่การรบยังคงดำเนินต่อไป
เมื่อสติกลับมาเริ่มทำงาน สถานการณ์ที่กำลังประสบอยู่ก็ถูกประมวลผลและรายงานกลับไปยังสมอง คำว่าตายแน่ลอยวนเวียนอยู่เต็มหัวของราชนิกูลสาว และสิ่งเดียวที่จะทำได้ในสถานการณ์นี้ก็คือ..
"กรี๊ดดดดดดด!!"
"เจ้าหญิง!!" องครักษ์ตะโกนลั่น กลาดิเอเตอร์หนุ่มน้อยวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและกระโจนตามลงไปอย่างบ้าระห่ำ
มือเล็กๆ ของสังฆราชขาวพยายามไขว่คว้ามืออีกข้างที่กำลังยื่นส่งลงมาให้
"คล็อด!!!!!"
มือทั้งสองข้างไขว่คว้าหากันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ภาพทุกภาพจะค่อยๆ ดับมืดลง!!---------------------------------------------------------------------------------------------------
บอร์ดนี้ต้องหั่นลงแฮะ..